My Slide

วันอาทิตย์ที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2554

อาหารกับวัยรุ่น



วัยรุ่นเป็นวัยที่เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงทางสรีรวิทยา โดยจะมีการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วทั้งร่างกาย จิตใจ อารมณ์ และสังคม มีความต้องการสารอาหารและพลังงานค่อนข้างสูง ควรมีการบริโภคอาหารอย่างถูกต้องและเหมาะสม มิฉะนั้นจะก่อให้เกิดผลเสียต่อสมรรถนะในด้านต่างๆ เช่น การเรียน การเล่นกีฬา การเจริญเติบโต ก่อให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บติดตามมา รวมทั้งโรคอ้วน ซึ่งเป็นปัญหาที่พบได้ในวัยรุ่นยุคปัจจุบัน โรคภัยไข้เจ็บเรื้อรังที่เกิดขึ้น อาจส่งผลให้อายุเฉลี่ยของประชากรชาวโลกลดน้อยลง


ปัญหาหลักทางด้านโภชนาการในวัยรุ่นคือมีการขาดสารอาหารต่างๆ เช่น ขาดธาตุเหล็ก ซึ่งจะทำให้เกิดอาการอ่อนเพลียจากโลหิตจาง ขาดธาตุไอโอดีน ขาดวิตามินเอ ขาดโปรตีนทำให้ได้รับพลังงานไม่เพียงพอ ทำให้มีผลต่อการเจริญเติบโต ตัวเตี้ย ผอม ความฉลาดลดลง สำหรับรายที่รับประทานอาหารมากเกินไปจะเกิดโรคอ้วน ส่งผลให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ ตามมาเช่น เบาหวาน โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง ไขข้อ เกาต์ มะเร็งเต้านม มะเร็งมดลูกในผู้หญิง มะเร็งต่อมลูกหมากหรือมะเร็งลำไส้ใหญ่ในผู้ชาย นิ่วในถุงน้ำดี อาการซึมเศร้า เป็นต้น






ดังนั้นอาหารสำหรับวัยรุ่นโดยทั่วๆ ไปก็คล้ายๆ กับสัดส่วนอาหาร ซึ่งทางเวชศาสตร์ต้านความชราแนะนำ คือ

ควรได้พลังงานจากโปรตีนร้อยละ 10-15 เทียบได้กับเนื้อสัตว์ 45-60 กรัมต่อวัน หรือ 2-3 ส่วนต่อวัน

คาร์โบไฮเดรตร้อยละ 45-65 และควรเป็นรูปเชิงซ้อน เช่น กลุ่มแป้ง ข้าว ขนมปัง 8-12 ทัพพี ผัก 2-4 ส่วนต่อวัน (4-6 ทัพพี)

ผลไม้ เพื่อการได้มาซึ่งวิตามิน เกลือแร่และควรรับประทานของสด 3-5 ส่วนต่อวัน

ไขมันน้อยกว่าร้อยละ 30 และควรมีสัดส่วนไขมันอิ่มตัวต่อ
ไขมันไม่อิ่มตัวในสัดส่วน 1:1



น้ำตาล เกลือเล็กน้อย

แคลเซียม 1200-1500 มิลลิกรัมต่อวัน

ธาตุเหล็ก 12-15 มิลลิกรัมต่อวัน สำหรับธาตุเหล็กควรได้รับในปริมาณที่พอเหมาะ เนื่องจากการได้รับมากเกินไปโดยที่ร่างกายไม่ขาดอาจก่อให้เกิดการสร้างสารอนุมูลอิสระเพิ่มมากขึ้น ซึ่งอาจส่งผลทำให้เกิดความเสื่อมชราเร็วขึ้นได้ ดังนั้นควรจะเสริมเมื่อขาดเท่านั้น



วันอังคารที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2554

เครื่องดื่มป้องกันโรค

 

  อาหารและเครื่องดื่มที่ดีมีประโยชน์ จะช่วยให้ร่างกายแข็งแรง ป้องกันโรคได้ สิ่งหนึ่งที่เราควรจำให้ขึ้นใจก็คือ การป้องกันมีราคาถูกกว่าการรักษายามเจ็บป่วย 
 
น้ำ ขจัดสารพิษ
หากขาดน้ำร่างกายก็ไม่สามารถอยู่ได้ เพราะน้ำจะช่วยลำเลียงสารอาหารไปยังเซลล์ต่างๆ ช่วยขจัดสารพิษ ปรับประดับอุณหภูมิในร่างกาย ดังนั้นจึงควรดื่มน้ำให้ได้วันละประมาณ 1.5 ลิตร
 
ชา ป้องกันโรคฟันผุ
ชาช่วยป้องกันอนุมูลอิสระ ป้องกันมะเร็งกระเพาะอาหารและมะเร็งลำไส้ ไม่ม่แคลอรี ในชาเขียวและชาดำมีฟลูออไรด์เป็นจำนวนมาก ที่จะช่วยทำให้ฟันแข็งแรงและยับยั้งฟันผุ เพื่อให้ได้ผล ควรดื่มชาร้อนหรือชาอุ่นๆ และไม่ควรดื่มชาที่เหลือค้างคืน
 
โยเกิร์ต ช่วยขจัดพิษ
ในโยเกิร์ตมีแร่ธาตุ เช่น แคลเซียมและโพแทสเซียม ซึ่งมีความสำคัญสำหรับน้ำในร่างกาย นอกจากนี้โยเกิร์ตยังมีประโยชน์สำหรับดวงตาและผิว กรดนมในโยเกิร์ตช่วยขจัดสารพิษออกจากร่างกายและให้ประโยชน์กับแบคทีเรียในลำไส้
 
นม ช่วยให้กระดูกแข็งแรง
ในนมมีโปรตีนสูง ซึ่งง่ายต่อการย่อย และมีแคลเซียมสูงซึ่งจะช่วยป้องกันโรคกระดูกพรุนในวัยชรา และกรดไขมันในนมจะช่วยให้เส้นเลือดยืดหยุ่น
 
น้ำแอปเปิ้ล ป้องกันมะเร็ง
น้ำแอปเปิ้ลสดๆ มีคุณค่ามากที่สุด ช่วยให้ร่างกายฟื้นคืนพลังและป้องกันมะเร็ง ช่วยให้มีสมาธิ สิ่งที่ต้องระวังก็คือ ต้องเป็นแอปเปิ้ลที่ไม่ผ่านการแว็กซ์ หากไม่แน่ใจก็ปอกเปลือกแอปเปิ้ลทิ้ง แม้ว่าเปลือกของมันจะมีประโยชน์ก็ตาม
 
น้ำลูกแพร์ ป้องกันความเครียด
มีกรดโฟลิกสูง ซึ่งจะช่วยให้ร่างกายผลิตฮอร์โมนแห่งความสุข ช่วยให้มีอารมณ์ร่าเริงแจ่มใส
 
น้ำผัก ป้องกันโรคอ้วน
เหมาะสำหรับเด็กเป็นอย่างยิ่ง เพราะมีน้ำตาลต่ำกว่าน้ำผลไม้ และเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดความอ้วน ควรดื่มน้ำผักสดที่ปั่นเองและไม่เติมน้ำตาล ที่สำคัญคือควรเป็นผักปลอดสารพิษ
 
น้ำแครอท บำรุงสายตาและป้องกันมะเร็ง
เพื่อให้การดูดซึมวิตามินเอจากแครอทได้ดีขึ้นควรรับประทานอาหารที่มีไขมันตามไปด้วย แต่ก็ไม่ควรดื่มน้ำแครอทมากเกินไป เพราะจะเป็นอันตรายต่อสุขภาพ เนื่องจากวิตามินเอจะถูกกักเก็บไว้ในตับ
 
น้ำมะเขือเทศ ป้องกันมะเร็งต่อมลูกหมากและช่วยให้ผิวอ่อนวัย
ถ้าอยากดื่มน้ำมะเขือเทศให้อร่อย ควรเติมพริกไทยและเกลือลงไปด้วย ในมะเขือเทศมีสารไลโคปีน ซึ่งจะช่วยป้องกันมะเร็งและป้องกันไม่ให้ผิวแก่ก่อนวัย หากเป็นมะเขือเทศที่ผ่านการทำให้สุกด้วยความร้อน ก็จะยิ่งมีไลโคปีนมากกว่ามะเขือเทศดิบ ที่สำคัญคือไม่ควรดื่มน้ำมะเขือเทศที่เย็นจัด
 

อันตรายจากอาหาร

อาหารเพื่อสุขภาพ Food for Health

วันศุกร์ที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2554

แอปเปิ้ล...ราชาแห่งผลไม้ลดน้ำหนัก



การจำกัดปริมาณอาหารเพื่อควบคุมน้ำหนักนั้น เป็นเรื่องยากสำหรับคุณผู้หญิง เพราะไหนจะต้องทนต่อความหิวจนกว่าจะผอม แต่พอผอมสมใจกลับโดนทักว่าทำไมดูซีดเซียว ไม่สดชื่น อวบอั๋นเหมือนตอนก่อนลดน้ำหนัก

     การรับประทานผลไม้จึงเป็นวิธีหนึ่ง ที่ช่วยแก้ปัญหาได้ทั้งการลดน้ำหนัก และการมีสุขภาพที่สดใส เพราะผลไม้ประกอบไปด้วยเส้นใยอาหาร (Fiber) ที่ช่วยให้รู้สึกอิ่มท้องมีน้ำตาลธรรมชาติที่ร่างกายสามารถดูดซึมได้เร็ว และนำไปใช้งานได้ทันที นอกจากนี้ ผลไม้ยังอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุอีกนับไม่ถ้วน ช่วยให้ร่างกายรู้สึกสดชื่น ไม่ทรุดโทรม จึงเหมาะสำหรับสาว ๆ ที่ต้องการควบคุมน้ำหนักเป็นที่สุด

     เมื่อถามคนใกล้ตัวว่า "อยากลดน้ำหนักจะทานผลไม้อะไรดี?" เชื่อว่าคงได้คำตอบกว่าครึ่งเป็นผลไม้รูปร่างอวบอัดที่ชื่อว่า "แอปเปิ้ล" แน่ ๆ เพราะแอปเปิ้ลเป็นผลไม้ที่มีสีสันชวนรับประทาน เนื้อสัมผัสกรอบ รสชาติอร่อย กลิ่นหอม มีคุณค่าทางโภชนาการสูง หาทานได้ง่าย ราคาไม่แพง และที่สำคัญคือไม่ทำให้อ้วน แอปเปิ้ลจึงได้ชื่อว่าเป็น "ราชาแห่งผลไม้ลดน้ำหนัก"

   กินแอปเปิ้ลวันละ 1 ผล ร่างกายแข็งแรง

     แอปเปิ้ลให้สารอาหารจำพวกคาร์โบไฮเดรตและวิตามินซีเป็นหลัก ซึ่งปริมาณวิตามินซีจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ ช่วงเวลาเก็บเกี่ยว และความสด เนื้อแอปเปิ้ล 100 กรัม มีวิตามินซีประมาณ 6 มิลลิกรัม และให้พลังงานราว 59 แคลอรี ไม่ทำให้อ้วน แต่แอปเปิ้ลก็มีสารอาหารที่มีประโยชน์ชนิดอื่นทดแทน แบบที่เรียกได้ว่าไม่น้อยหน้าผลไม้อื่นแต่อย่างใด

      พลังงานที่ได้จากแอปเปิ้ลมีลักษณะพิเศษที่น่าสนใจคือ แอปเปิ้ลจะให้พลังงานค่อนข้างต่ำและค่อยเป็นค่อยไป เพราะแหล่งพลังงานของแอปเปิ้ลคือ น้ำตาลฟรักโทสซึ่ง เป็นน้ำตาลที่เปลี่ยนรูปเป็นพลังงานอย่างช้า ๆ ในร่างกายช่วยให้ไม่รู้สึกหิว อิ่มนาน ผลที่ตามมาคือ ระดับน้ำตาลในกระแสเลือดจะค่อย ๆ เพิ่มขึ้นอย่างสม่ำเสมอ ไม่สูงเร็วเหมือนกินขนมหวาน จึงเหมาะกับคนไข้เบาหวานด้วยเช่นกัน

      เปลือกและเนื้อของแอปเปิ้ลมีเส้นใยอาหารที่ชื่อว่า "เพคติน" ที่มีคุณสมบัติพองตัวได้มาก ช่วยเพิ่มกากในทางเดินอาหาร ทำให้อวัยวะในทางเดินอาหารมีการทำงานเป็นปกติ เพิ่มประสิทธิภาพในการขับถ่าย ซึ่งเป็นการช่วยป้องกันมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้ และยังช่วยจับคอเลสเตอรอลไม่ให้ถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย ป้องกันโรคคอเลสเตอรอลในเลือดสูง โรคหัวใจ และความดันโลหิตสูง

       นอกจากนี้ แอปเปิ้ลยังอุดมไปด้วยวิตามิน เกลือแร่และสารอาหารที่มีประโยชน์อีกหลายชนิด ทั้งวิตามินเอ บี 1 บี 2 บี 6 ไบโอติน กรดโฟลิก กรดแพนโทเธอนิค เกลือแร่ คลอไรด์ เหล็ก ทองแดง แมกกานีส แคลเซียม ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม โซเดียม ซิลิคอน และยังมีกรดอินทรีย์ 2 ชนิด คือ กรดมาลิคและกรดทาร์ทาริก ซึ่งช่วยในการย่อยอาหารจำพวกโปรตีนและไขมัน สารอาหารเหล่านี้ มีประโยชน์ต่อสุขภาพในหลายด้าน โดยเฉพาะวิตามินซี และสารในกลุ่มฟลาโวนอยด์ ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่พบมากในแอปเปิ้ล จะช่วยป้องกันโรคหัวใจในผู้ที่รับประทานเป็นประจำ

    แอปเปิ้ลเขียว หรือแอปเปิ้ลแดง ที่มีประโยชน์มากกว่ากัน

       เมื่อวิเคราะห์จากคุณค่าสารอาหารต่าง ๆ เปรียบเทียบระหว่างแอปเปิ้ลเขียวและแอปเปิ้ลแดง พบว่าไม่มีความแตกต่างกันมากนัก แต่สิ่งที่แอปเปิ้ล แดงมีเหนือกว่าเล็กน้อยคือ ปริมาณของสารแอนโทไซยานิน ซึ่งมีฤทธิ์เป็นสารต้านอนุมูลอิสระในกลุ่มฟลาโวนอยด์นั่นเอง

   ดื่มน้ำแอปเปิ้ล ก็ได้ประโยชน์เท่ากินทั้งลูก?

       จากที่กล่าวมาแล้วข้างต้น จะพบว่าประโยชน์ของแอปเปิ้ลมาจากองค์ประกอบ 3 ตัวด้วยกันคือ จากเส้นใยอาหาร สารต้านอนุมูลอิสระที่มีมากบริเวณเปลือก และจากน้ำตาลฟรักโทสที่มีมากในเนื้อแอปเปิ้ล ดังนั้นหากต้องการดื่มน้ำแอปเปิ้ล ควรเลือกวิธีการปั่นทั้งผล โดยไม่ต้องปอกเปลือก เพราะหากใช้วิธีคั้นน้ำ จะทำให้ได้เฉพาะน้ำตาลและสารต้านอนุมูลอิสระอีกเล็กน้อย ซึ่งอาจทำให้อ้วนได้มากกว่าเดิม และไม่ได้รับประโยชน์ทั้งหมดจากแอปเปิ้ลอย่างครบถ้วน

   กินแอปเปิ้ลอย่างไรให้ได้ประโยชน์

      ในแง่โภชนาการ แอปเปิ้ลไม่ใช่ผลไม้ที่มีวิตามินหรือแร่ธาตุในปริมาณสูงมากนัก เมื่อเทียบกับกล้วย ฝรั่งหรือส้ม แต่หากทานแอปเปิ้ลวันละ 2-4 ลูก โดยไม่ปอกเปลือกก็จะได้รับเส้นใยอาหารและสารอาหารต่าง ๆ ในปริมาณที่พอเหมาะ

       ในปัจจุบันมีการกล่าวอ้างสรรพคุณของแอปเปิ้ลมากมาย เช่น บำรุงหัวใจ ลดคอเลสเตอรอล ลดความดัน ควบคุมปริมาณน้ำตาลในเลือด ลดความอยากอาหาร ช่วยกระตุ้นการทำงานของสารต้านอนุมูลอิสระ ชะลอความแก่และฆ่าเชื้อไวรัส ซึ่งหากต้องการจะรับประทานแอปเปิ้ลสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อควบคุมน้ำหนัก แล้ว ก็ควรต้องทานเนื้อสัตว์ไม่ติดมัน และผักผลไม้อื่น ๆ ร่วมด้วย เพื่อป้องกันการขาดสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย

ประโยชน์จากกล้วย ที่ไม่ใช่แค่เรื่องกล้วย ๆ




1. โรคโลหิตจาง ในกล้วยมีธาตุเหล็กสูงจะเป็นตัวช่วย กระตุ้นการผลิตฮีโมโกลบินในเลือด และจะช่วยในกรณีที่มีสภาวะขาดกำลัง หรือภาวะโลหิตจาง

2. โรคความดันโลหิตสูง มีธาตุโป รแตสเซียมสูงสุด แต่มีปริมาณเกลือต่ำ ทำให้เป็นอาหารที่สมบูรณ์แบบที่สุดที่จะช่วยความดันโลหิตมาก อย.ของอเมริกา ยินยอมให้อุตสาหกรรมการปลูกกล้วยสามารถ โฆษณาได้ว่า กล้วยเป็นผลไม้พิเศษช่วยลดอันตรายอันเกิดจากเรื่องความดันโลหิตหรือโรคเส้น เลือดฝอยแตก

3. กำลังสมอง มีงานวิจัยในกลุ่มนัก เรียน 200 คน โรงเรียน Twickenham พบว่ากินกล้วยมื้ออาหารเช้า ตอนพัก และมื้ออาหารกลางวันทุกวัน เพื่อช่วยส่งเสริมกำลังของสมองในพวกเขา ได้รับผลดีจากการสอบตลอดปี ด้วยการจากงานวิจัยแสดงให้เห็นว่าปริมาณโปรแตสเซียมที่มีอยู่เต็มเปี่ยมใน กล้วยสามารถให้นักเรียนมีการตื่นตัวในการเรียนมากขึ้น

4. โรคท้องผูก ปริมาณเส้นใยและกากอาหารที่มีอยู่ในกล้วยช่วยให้การขับถ่าย เป็นปกติ และยังช่วยแก้ปัญหาโรคท้องผูกโดยไม่ต้องกินยาถ่ายเลย

5. โรคความซึมเศร้า จากการสำรวจ ในจำนวนผู้ที่มีความทุกข์เกิดจากความซึมเศร้าหลายคนจะมี ความรู้สึกที่ดีขึ้นมากหลังการกินกล้วย เพราะมีโปรตีนชนิดที่เรียกว่า Try Potophan เมื่อสารนี้เข้าไปในร่างกายจะ ถูกเปลี่ยนป็น ฆerotonin เป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็นตัวผ่อนคลายปรับปรุงอารมณ์ให้ดีขึ้นได้ คือทำให้เรารู้สึกมีความสุขเพิ่มขึ้นนั่นเอง

6. อาการเมาค้าง วิธีที่เร็วที่สุดที่จะแก้อาการเมาค้าง คือ การดื่มกล้วยปั่นกับนมและน้ำผึ้ง กล้วยจะทำให้ กระเพาะของเราสงบลง ส่วนน้ำผึ้งจะเป็นตัวช่วยหนุนเสริมปริมาณน้ำตาลในเส้นเลือดที่หมดไปในขณะที่ นมก็ช่วย ปรับระดับของเหลวในร่างกายของเรา

7. อาการเสียดท้อง กล้วยมีสารลดกรดตามธรรมชาติที่มีผลต่อร่างกายของเรา ถ้าปัญหาเกี่ยวกับอาการเสียด ท้อง ลองกินกล้วยสักผล คุณจะรู้สึกผ่อนคลายจากอาการเสียดท้องได้

8. ความรู้สึกไม่สบายในตอนเช้า การกินกล้วยเป็นอาหารว่างระหว่างมื้ออาหาร จะรักษาระดับน้ำตาลในเส้นเลือดให้คงที่ เพื่อหลีกเลี่ยงความรู้สึกไม่สบายในตอนเช้า

9. ยุงกัด ก่อน ใช้ครีมทาแก้ยุงกัด ลองใช้ด้านในของเปลือกกล้วยทาบริเวณที่ถูกยุงกัด มีหลายคนพบอย่างมหัศจรรย์ว่า เปลือกกล้วยสามารถแก้เม็ดผื่นคันที่เกิดจากยุงกัดได้

10. ระบบประสาท วิธีควบคุมปริมาณน้ำตาลในเส้นเลือด ด้วยการกินอาหารว่างที่มีปริมาณคาร์โบโฮเดรตสูงอย่างทุก 2 ชั่วโมง เพื่อรักษาปริมาณน้ำตาลให้คงที่ตลอดเวลา การกินกล้วยที่มีวิตามินบี 6 ซึ่งประกอบด้วยสารควบคุมระดับกลูโคสที่สามารถมีผลต่ออารมณ์ ช่วยทำให้ระบบประสาทสงบลงได

11. โรคลำไส้เป็นแผล กล้วย เป็นอาหารที่แพทย์ใช้ควบคุม เพื่อต้านทานการเกิดโรคลำไส้เป็นแผล เพราะเนื้อของกล้วยมีความอ่อนนิ่มพอดี เป็นผลไม้ชนิดเดียวที่ทานได้ง่ายๆ ไม่ยุ่งยากสำหรับผู้ที่มีปัญหาเรื่องโรคลำไส้เรื้อรัง และกล้วยยังมีสภาพเป็นกลางไม่เป็นกรด ทำให้ลดการระคายเคือง และยังไปเคลือบผนังลำไส้และกระเพาะอาหารด้วย

12. การควบคุมอุณหภูมิของร่างกาย ในวัฒนธรรมของหลายแห่งเห็นว่ากล้วย คือผลไม้ที่สามารถทำให้ อุณหภูมิเย็นลงได้ทั้งทางร่างกายและจิตใจ โดยเฉพาะอุณหภูมิของอารมณ์ของคนที่เป็นแม่ที่ชอบคาดหวัง ตัวอย่างในประเทศไทย จะให้ผู้หญิงที่กำลังตั้งครรภ์รับประทานกล้วยทุกวันเพื่อให้แน่ใจว่า ทกรกที่เกิดมา จะมีอุณหภูมิเย็น

13. ความสับสนของอารมณ์เป็นครั้งคราว กล้วยสามารถช่วยในเรื่องของอารมณ์และ ความสับสนได้ เพราะในกล้วยมีสารตามธรรมชาติ Try Potophan ทำให้อารมณ์ดี

14. การสูบบุรี่ กล้วยสามารถช่วยคนที่กำลังพยายามเลิกสูบบุหรี่ เนื่องจากในกล้วยมีปริมาณของวิตามินซี เอ บี6 และบี 12 ที่สูงมาก และยังมีโปรแตสเซียมกับแมกนีเซียม ที่ช่วยทำให้ร่างกายฟื้นคืนตัวได้เร็วอันเป็นผล จากการลดเลิกนิโคตินนั่นเอง

15. ความเครียด โปรแตสเซียมเป็นสารอาหารสำคัญ ที่ช่วยให้การเต้นของหัวใจเป็นปกติ การส่งออกซิเจน ไปยังสมอง และปรับระดับน้ำในร่างกาย เวลาเกิดอารมณ์เครียด อัตรา metabolic ในร่างกายของเราจะขึ้นสูง และทำให้ระดับโปรแตสเซียมในร่างกายของเราลดลง แต่โปรแตสเซียมที่มีอยู่สูงมากในกล้วยจะช่วยให้เกิด ความสมดุล

16. เส้นเลือดฝอยแตก จากการวิจัยที่ลงในวารสาร "The New England Journal of Medicine" การกิน กล้วยเป็นประจำสามารถลดอันตรายที่เกิดกับเส้นโลหิตแตกได้ถึง 40%

17. โรคหูด การรักษาหูดด้วยวิธีทางเลือกแบบธรรมชาติ โดยการใช้เปลือกของกล้วยวางปิดลงไปบนหูด แล้วใช้แผ่นปิดแผลหรือเทปติดไว้ให้ด้านสีเหลืองของเปลือกกล้วยออกด้านนอก ก็จะสามารถรักษาโรคหูดให้หายได้




อาหารชะลอวัย ทานแล้วไม่แก่

เรื่องของการ "ชลอวัย" เป็นสิ่งที่ผู้หญิงทุกคนใฝ่ฝันถึงค่ะ ทำอะไรก็ได้ให้อ่อนเยาว์ได้ตลอด..ขอบอก ผู้หญิงยอมทุกอย่างค่ะ

          ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการศัลยกรรม, การใช้ครีมบำรุงผิว, การทานอาหาร และการออกกำลังกาย

          อาหาร 6 อย่างต่อไปนี้ จะชะลอสัญญาณแห่งวัยชรา, ผมร่วง, ผิวแห้ง, เฉื่อยชา ฯลฯ คุณสามารถดูอ่อนเยาว์ได้ภายใน 3 - 6 เดือน ค่ะ
          กล้วย : อุดมไปด้วยวิตามินบี ช่วยหยุดผมร่วง การรับประทานกล้วยในปริมาณที่เพียงพอ จะช่วยรักษาเส้นผมให้เคียงคู่กับศีรษะได้นานวัน

          มะม่วง : มีเบต้าแคโรทีนที่ช่วยให้ผิวมีสุขภาพดี โดยช่วยกระตุ้นการสร้างผิวหนัง รวมทั้งหนังศีรษะเพื่อทดแทนของเดิมที่หยาบแห้งและขรุขระ ให้กลับมีความชุ่มชื้นและเนียนนุ่มขึ้นค่ะ

          ฝรั่ง : รับประทานฝรั่งหรือดื่มน้ำฝรั่ง ซึ่งอุดมไปด้วยวิตามินซีนั้น จะทำให้เราดูหนุ่มสาวขึ้นค่ะ เพราะฝรั่งจะช่วยเก็บรักษาคอลลาเจนที่เป็นบ่อเกิดแห่งโปรตีนใต้ผิวหนัง หรือคุณอาจจะรับประทานมะละกอ ส้ม ร่วมกับผลไม้ประจำวัน จะเพิ่มวิตามินซีได้เช่นกันค่ะ

          ปลาแซลมอน : รับประทานปลาแซลมอน อาหารทะเล หรือสลัดผักสด จะช่วยหยุดการลอกของผิวหนังทำให้สุขภาพแข็งแรงค่ะ

          อะโวคาโด : วิตามินบีในอะโวคาโด จะช่วยทำให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ค่ะ  และทำให้ร่างกายเกิดความต้านทานจากการทำลายในรูปแบบต่างๆ รวมไปถึงแรงต้านทานจากมลภาวะเป็นพิษด้วย

          ถั่วลิสงอบเนย : รับประทานถั่วลิสงอบเนยร่วมกับเกล็ดขนมปังที่อบมาร้อนๆ ก่อนมื้ออาหารจะช่วยชะลอผมหงอกได้ค่ะ เพราะถั่วลิสงมีวิตามินที่สามารถหยุดการเปลี่ยนสีผมให้เป็นสีดอกเลาได้ และยังทำให้ผิวหนังดูดีขึ้นอีกด้วยค่ะ






วันจันทร์ที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2554

4 วิธีดูแลความงาม ด้วยเกลือป่น


คุณอาจคาดไม่ถึงว่าเกลือที่คุณใช้ปรุงอาหารอยู่ทุกวันนั้น ก็สามารถช่วยดูแลความงามให้คุณได้ด้วย ยังไงน่ะเหรอ? นี่คือรายละเอียด


ช่วยทำให้ผิวนุ่มขึ้น
เกลือนอกจากจะทำความสะอาดได้อย่างล้ำลึกและเป็นตัวต่อต้านเชื้อแบคทีเรียตามธรรมชาติแล้ว ยังช่วยขัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วให้หลุดลอกออกไปได้ด้วย โดยใช้เกลือผงประมาณหนึ่งกำมือนวดเบาๆ เป็นแนววงกลมลงบนผิว แล้วล้างน้ำออก

ช่วยเพิ่มน้ำหนักให้เส้นผม
คุณอาจสังเกตเห็นว่าเวลาไปเที่ยวทะเลแล้วเส้นผมมักจะอยู่ทรงสวย นั่นก็เพราะเกลือในน้ำทะเลจับตัวอยู่บนเส้นผม ทำให้เส้นผมมีน้ำหนักและอยู่ทรงได้ คุณสามารถมีผมสวยอย่างนั้นโดยไม่ต้องลงทะเลได้ โดยผสมเกลือผงหนึ่งช้อนโต๊ะเข้ากับน้ำสะอาดหนึ่งถ้วย คนให้เข้ากันแล้วเทลงในขวดสเปรย์ จากนั้นก็ฉีดลงบนเส้นผมในขณะแต่ทรง แล้วปล่อยให้แห้งเองตามธรรมชาติ

ขจัดความมันเยิ้ม
ในการทำให้ผิวที่เป็นมันเยิ้มดูไม่เป็นเงา รวมทั้งทำให้ทุกสภาพผิวดูมีชีวิตชีวาขึ้นนั้น ก็ผสมเกลือครึ่งช้อนชาเข้ากับคลีนเซอร์ที่คุณใช้ล้างหน้าตามปกติ จากนั้นก็นวดลงบนผิวหน้าแล้วล้างออกด้วยน้ำให้สะอาด

ทำความสะอาดล้ำลึก
คุณสามารถทำความสะอาดผิวหน้าอย่างล้ำลึก ด้วยการผสมแครอทสับละเอียด ¼ ถ้วย เกลือผง ½ ช้อนชา และมายองเนส 1 ½ ช้อนชา แล้วตีให้เข้ากัน จากนั้น นำมาทาลงบนใบหน้าที่ยังชื้นๆ อยู่ ทิ้งไว้ 10 นาทีแล้วล้างน้ำออก

สลัดผลไม้รวม

วันพฤหัสบดีที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2554

อาหารว่างเพื่อสุขภาพ



ปัจจุบันนี้ อาหารว่างในบ้านเรามีให้เลือกทานกันมากมาย แถมยังหาทานได้ง่ายขึ้น แต่สังเกตให้ดีก็ จะพบว่า อาหารว่างส่วนใหญ่ที่เข้ามามีบทบาทในบ้านเรา ล้วนมีอิทธิพลมาจากประเทศพัฒนาแล้วแทบทั้งสิ้น และแน่นอนว่าเมื่ออาหารเหล่านี้เข้ามา ย่อมจะต้องมีกระแสต่างๆ ที่ทำให้คนทานนั้นพูดถึง เช่น อาหารว่างที่เป็น Junk Food ซึ่งพบได้บ่อยตามท้องตลาดนั้น ไม่มีประโยชน์ต่อร่างกาย           คำว่า Junk Food คนส่วนใหญ่มักคิดว่า เป็นอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพเอาเสียเลย แต่ความจริงอาหารว่างที่ทานนั้นมันก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรอย่างที่คิดเสมอไป
เพราะการเลือกทานอาหารว่างในแต่ละครั้ง ก่อนทานเราเองก็คงจะเลือกทานของที่มีแต่ประโยชน์ และเลือกทานในปริมาณที่พอเหมาะกับร่างกายเท่านั้น
          ฉะนั้นมาดูกันว่า อาหารว่าง Junk Food ที่กล่าวมาข้างต้น มีอะไรบ้าง และมีประโยชน์ต่อร่างกายอย่างไร ดังนี้
1. Popcorn
          แนะนำว่าอย่าเลือกรับประทาน Popcorn แบบสำเร็จรูปที่สามารถทำเองในตู้ไมโครเวฟ เพราะไขมันที่ ได้รับนั้นจะสูงมาก ทางที่ดีการทำ Popcorn ให้เลือกใช้เนยเทียม เช่น มาร์การีน เพียงเล็กน้อย
2. Fruit and fruit smoothies
          แนะนำให้เลือกทานผลไม้ที่มีน้ำตาลไม่สูงมาก หรือจะเลือกทาน fruit smoothies ถ้าต้องการ ความรวดเร็วแล้วสะดวก
3. Ice cream          ไม่แนะนำให้เป็นอาหารว่างประจำทุกวัน เพราะค่อนข้างจะทำให้เกิดโรคอ้วนได้ และถ้าอยากทานจริงๆ ให้เลือกทานรสวานิลา ซึ่งถือว่าเป็นรสชาติพื้นฐาน
4. Cookies          ให้เลือกทานคุกกี้แบบ fat-free และไม่แนะนำว่าให้ทานเป็นอาหารว่างประจำเช่นเดียวกัน
5. Cheese and crackers
          แนะนำให้เลือกชีสแบบ low fat และให้โปรตีนสูง แต่ถ้าจะทานคู่กับแครกเกอร์ ให้เลือกที่ทำจาก เมล็ดธัญพืชที่ไม่ได้ผ่านการปรุงแต่ง
6. Cereals
          เลือกที่มีไฟเบอร์สูง และมีปริมาณน้ำตาลต่ำ ธัญพืชที่ดี คือ ข้าวโอ๊ตบดหยาบ
7. Yogurt
          ถ้าเป็นคนไม่ชอบดื่มนม แนะนำให้ทานโยเกิร์ตที่เป็นรสธรรมชาติไม่มีการปรุงแต่ง และที่สำคัญไม่ควร เลือกที่มีน้ำตาลสูง ถ้าจะเพิ่มรสชาติให้เติมผลไม้สดลงไป
8. Vegetables
          แนะนำให้เลือกผักที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เช่น ผักใบสีเขียว เป็นต้น
9. Peanut butter
          ถ้าจะรับประทานให้ทานเพียงแค่หนึ่งช้อนโต๊ะเท่านั้น เพิ่มรสชาติด้วยการทาลงบนแครกเกอร์แบบ ธรรมชาติหรือจะขนมปังซีเรียล
10. Cake
          ไม่แนะนำให้ทานเป็นอาหารว่างประจำวัน ถ้าอยากทานให้เลือกทานที่เป็นเค้กชนิด low fat หรือจะ เป็นเค้กประเภทโยเกิร์ตผลไม้ก็เข้าที
          เพียงแค่นี้ก็ทำให้รู้ว่าการเลือกทานอาหารว่าง ก็เป็นสิ่งจำเป็นต่อเรา เพราะทำให้สามารถทานอาหารว่างได้อย่างสบายใจโดยที่ไม่ต้องกังวลเรื่องต่างๆ เกี่ยวกับสุขภาพ



หลักในการเลือกอาหารว่างเพื่อสุขภาพ
1. คำนึงถึงคุณค่าทางโภชนาการ
2. ให้พลังงานไม่เกินร้อยละ 10 ของพลังงานที่ต้องการใน 1 วันผู้ใหญ่ควรได้รับพลังงานจากอาหารว่าง ประมาณ 150 – 200 แคลอรี่
3. อาหารว่างที่ดีควรจำกัดปริมาณน้ำมัน น้ำตาลและเกลือไม่ให้สูงเกินไป
4. ผลไม้สด เป็นอาหารว่างที่มีประโยชน์ มีแร่ธาตุและใยอาหาร และวิตามินสูง ผลไม้ที่เหมาะสมสำหรับเป็นอาหารว่าง ได้แก่ ส้ม มะละกอ ฝรั่ง ชมพู่ เป็นต้น (ตัวอย่างของผลไม้ 1 ส่วนบริโภค : กล้วยน้ำว้า 1 ผล ส้ม 1 ผล ผลไม้ตัดเป็นชิ้น จานเล็ก หรือ 6 – 8 คำ) หลีกเลี่ยงการใช้ผลไม้ที่มีรสหวาน
5. เครื่องดื่มที่เหมาะสม ไม่ควรมีน้ำตาลเกินร้อยละ 5 นมเปรี้ยวพร้อมดื่มมีนมเป็นส่วนประกอบเพียงครึ่งเดียว และมีน้ำตาลสูงเทียบเท่าน้ำอัดลม ถ้าเป็นเครื่องดื่มประเภทนมควรเป็นนมขาดมันเนยหรือนมพร่องไขมัน เพราะให้พลังงานน้อยกว่านมปรุงแต่งรส
6. การเลือกเครื่องดื่มประเภทน้ำผลไม้ ควรเลือกเครื่องดื่มน้ำผลไม้สดชนิดที่ไม่เติมน้ำตาล
แต่น้ำผลไม้สำเร็จรูป หรือน้ำผลไม้ที่ขายตามร้านทั่วไปมักเติมน้ำตาล และ บางชนิดมี
น้ำตาลสูง จึงควรเลือกชนิดที่มีน้ำผลไม้แท้เป็นส่วนผสมไม้น้อยกว่าร้อยละ 50 และเติม
น้ำตาลไม่เกิน ร้อยละ 5
7. ของว่างจำพวกเบเกอรี่ ควรเลือกขนมปัง ชนิดที่ทำมาจากโฮลวีท หลีกเลี่ยงขนมที่มีไขมันสูงและรสหวานจัด ตัวอย่างเช่น คุกกี้ พัฟ พาย เค้กหน้าครีม
8. สามารถเลือกพืชหัวและธัญพืชเป็นอาหารว่างได้ เช่น ข้าวโพดต้ม มันต้ม ฟักทองต้ม เป็นต้น
9. ขนมหวานของไทย ขนมไทยหลายอย่างมีประโยชน์เนื่องจากมักนำธัญพืช ถั่ว ผัก ผลไม้มาเป็นส่วนประกอบ การบริโภคให้เลือกชนิดที่มีน้ำมันน้อย หรือกะทิ / มะพร้าวน้อย และไม่หวานจัด เช่น ถั่วแปบ ขนมตาล ขนมกล้วย เป็นต้น หลีกเลี่ยงขนมหวานไทยบางชนิดที่มีกะทิหรือน้ำตาลเข้มข้น เช่น ขนมหม้อแกง ฝอยทอง ทองหยิบ ทองหยอด เป็นต้น
10. ของว่างอื่นๆ ที่เหมาะสม มีอาหารหลายหมวดอยู่ปนกัน เช่น ขนมจีบซาลาเปา แซนวิชไส้ทูน่า เป็นต้น

วันศุกร์ที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2554

อาหารอะไร..ต้านมะเร็งได้ดีที่สุด

 อาหารเป็นสิ่งที่จำเป็นในการดำรงชีวิตใช่ไหมค่ะ มาดูกันสิว่าอะไรบ้างที่เป็นสุดยอดอาหารในการต้านมะเร็ง
สุดยอดของอาหารต้านมะเร็ง
   อาหารเป็นสิ่งที่จำเป็นในการดำรงชีวิตใช่ไหมค่ะ คงไม่มีคนเถียง แต่เราสามารถเลือกวิธีการกินให้ถูกต้อง แถมยังควบคุมโรคร้าย อย่างเช่น มะเร็งได้ด้วย เพราะมูลนิธิวิจัยเกี่ยวกับมะเร็งแห่งชาติ สหรัฐอเมริกา ทำการศึกษาและสรุปเป็นคำแนะนำออกมาว่า อาหารต่อไปนี้มีฤทธิ์ในการต้านมะเร็ง มาดูกันสิว่าอะไรบ้างที่เป็นสุดยอดอาหารในการต้านมะเร็ง
- พริก
   พริกเม็ดใหญ่ กรอบ กวาน และมีสีสันสดสวย เป็นแหล่งที่ดีของสารต้านมะเร็ง อย่างวิตามินซี วิตามินเอ กรดโฟลิก และโพแทสเซียม
- พืชในตระกูลกะหล่ำ
   ไม่ว่าจะเป็นบล็อคเคอลี กะหล่ำดอก กะหล่ำใบ แรดิช ใบวอเตอร์เครส ฯลฯ พวกนี้มีสารเคมีในผักที่เรียกว่า phytochemical  ที่ช่วยกำจัดมะเร็ง โดยกระตุ้นการทำงานของเอนไซม์ในร่างกายช่วยป้องกันไม่ให้  DNA ที่ถูกทำลายลุกลามกลายเป็นสารก่อมะเร็ง-คาซิโคเจน
- เบอร์รี่ต่างๆ
   ลูกเบอร์รี่เป็นคำเรียกผลไม้ลูกเล็กๆ ที่มีเนื้อมากและฉ่ำน้ำ ไม่ว่าจะเป็นแครนเบอร์รี่ บลูเบอร์รี่ ราสป์เบอร์รี่ และสตรอว์เบอร์รี่ เบอร์รี่พวกนี้จะมีวิตามินซี ซึ่งเป็นแอนติออกซิแดนท์อยู่มาก สังเกตได้ว่าเบอร์รี่ทุกชนิดมักมีรสเปรี้ยว รวมทั้งมีกรดโฟลิก กากใยอาหาร และโพแทสเซียม ที่ช่วยรักษาสมดุลของแร่ธาตุแและของเหลวในร่างกาย
- น้ำ
   เครื่องดื่มที่ดีที่สุดเห็นจะไม่พ้นน้ำดื่มบริสุทธิ์ น่ำช่วยในการย่อยและดูดซึมอาหาร ช่วยควบคุมอุณหภูมิในร่างกายให้ปกติ และเป็นการหล่อเลี้ยงให้กระบวนการต่างๆ ของร่างกายทำงานอย่างราบรื่นเป็นปกติ วันหนึ่งๆ พยายามดื่มน้ำให้ได้ 6-8 แก้ว
- ไลโคปีน
   เป็นสารที่พบในมะเขือเทศ และทำให้มะเขือเทสมีสีแดง ไลโคปีนและแบต้าแคโรทีนในมะเขือเทศมีฤทธิ์ช่วยยับยั้ง  free redical  ที่เป็นตัวการของการเกิดมะเร็ง รวมทั้งโรคที่เกิดจากความเสื่อมของสังขารต่างๆ ด้วย
- น้ำมันมะกอกบริสุทธิ์
   เป็นไขมันที่ดีต่อสุขภาพมากที่สุด อุดมด้วยวิตามินอี ซึ่งเป้นสารแอนติออกซิแดนท์ มีรายงานว่าการบริโภคน้ำมันมะกอกช่วยป้องกันมะเร็งลำไส้และมะเร็งทรวงอกได้
- ฟักทอง
   อุดมด้วยเบต้าแคโรทีน ซึ่งเป็นสารต้านมะเร็ง สารนี้ยังพบในผักผลไม้สีเหลืองๆ ส้มๆ อาทิ แครอท ส้ม มันเทศ
- แอ๊ปเปิ้ล
   ในผลแอ๊ปเปิ้ลประกอบด้วย ที่เป็นสารต้านมะเร็ง




10 วิธีการกินอาหารเพื่อสุขภาพที่ดี


         ในแต่ละวันเราจำเป็นต้องรับประทานอาหารมากมาย มีคำแนะนำจากหลายสำนักให้กินนั่น ห้ามกินนี่จนไม่รู้จะเชื่อใครดี วันนี้เราจึงมีเคล็ดลับง่ายๆ ของการกินให้ได้ประโยชน์สูงสุดต่อสุขภาพอย่างเต็มที่มาฝาก

           1. กินอาหารเช้า เป็นพฤติกรรมพื้นฐานที่ส่งผลต่อจิตใจ และพลังชีวิตของคุณไปตลอดทั้งวัน และช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเส้นเลือด ลดอัตราเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจ ช่วยเผาผลาญพลังงานให้ดีขึ้น ทำให้คุณกินอาหารในมื้ออื่นๆ น้อยลง

           2. เปลี่ยนน้ำมันที่ใช้ปรุงอาหาร ยอมจ่ายแพงสักนิดใช้น้ำมันมะกอก หรือน้ำมันดอกทานตะวัน ปรุงอาหารแทนน้ำมันแบบเดิมที่เคยใช้ เพราะเป็นไขมันที่ไม่เป็นโทษต่อร่างกาย และมีกรดไขมันอิ่มตัวที่เป็นประโยชน์ ช่วยลดไขมันในเส้นเลือดได้เป็นอย่างดี

           3. ดื่มน้ำให้มากขึ้น คนเราควรดื่มน้ำวันละ 2 ลิตรเป็นอย่างน้อย (ยกเว้นในรายที่ไตทำงานผิดปกติ) เพื่อหล่อเลี้ยงเซลล์ในร่างกาย ฟื้นฟูระบบขับถ่าย รักษาระดับความเข้มข้นของเลือด จะทำให้สดชื่นตลอดวันเลยทีเดียว

           4. เสริมสร้างแคลเซียมให้กับกระดูก ด้วยการดื่มนม กินปลาตัวเล็กทั้งตัวทั้งก้าง เต้าหู้ ผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง ผักใบเขียว เพราะแคลเซียมเป็นสิ่งจำเป็นที่จะเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อและกระดูก ทำให้ระบบประสาททำงานได้เต็มประสิทธิภาพ

           5. บอกลาขนมและของกินจุบจิบ ตัดของโปรดประเภทโดนัท คุกกี้ เค้กหน้าครีมหนานุ่ม ออกจากชีวิตบ้าง แล้วหันมากินผลไม้เป็นของว่างแทน วิตามิน และกากใยในผลไม้ มีประโยชน์กว่าไขมัน และน้ำตาลจากขนมหวานเป็นไหนๆ

           6. สร้างความคุ้นเคยกับการกินธัญพืชและข้าวกล้อง เมล็ดทานตะวัน ข้าวฟ่างและลูกเดือย รวมทั้งข้าวกล้องที่เคยคิดว่าเป็นอาหารนก ได้มีการศึกษาและค้นคว้าแล้ว พบว่า ช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจถึง 1 ใน 3 เลยทีเดียว เพราะอุดมไปด้วยไฟเบอร์ ที่ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล และควบคุมน้ำตาลในเลือดให้สมดุล

           7. กินให้ครบทุกสิ่งที่ธรรมชาติมี คุณต้องพยายามรับประทานผักผลไม้ต่างๆ ให้หลากสี เป็นต้นว่า สีแดงมะเขือเทศ สีม่วงองุ่น สีเขียวบล็อกเคอรี สีส้มแครอท อย่ายึดติดอยู่กับการกินอะไรเพียงอย่างเดียว เพราะพืชต่างสีกัน มีสารอาหารต่างชนิดกัน แถมยังเป็นการเพิ่มสีสันการกินให้กับคุณด้วย

           8. เปลี่ยนตัวเองให้เป็นคนรักปลา การกินปลาอย่างน้อยอาทิตย์ละครั้ง ได้ทั้งความฉลาดและแข็งแรง เพราะปลามีกรดไขมันโอเมก้า 3 และโปรตีน ที่ช่วยควบคุมการเต้นของหัวใจให้เป็นปกติ และบำรุงเซลล์สมอง ทั้งยังมีไขมันน้อย อร่อย ย่อยง่าย เหมาะสำหรับคนที่ต้องการหุ่นเพรียวลมเป็นที่สุด

           9. กินถั่วให้เป็นนิสัย ทำให้ถั่วเป็นส่วนหนึ่งของอาหารที่คุณต้องกินทุกวัน วันละสัก 2 ช้อน ไม่ว่าจะเป็นของหวานของคาว หรือว่าของว่างก็ทั้งโปรตีน วิตามิน และแร่ธาตุสำคัญๆ หลายชนิด ต่างพากันไปชุมนุมอยู่ในถั่วเหล่านี้ ควรกินถั่วอย่างสม่ำเสมอ แต่ไม่ควรกินครั้งละมากๆ เพราะมีแคลอรี่สูง อาจทำให้อ้วนได้ 




วันศุกร์ที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

เครื่องดื่มสมุนไพรมะเขือพวง

น้ำสมุนไพร เครื่องดื่มสมุนไพร

น้ำสมุนไพรสูตรขับของเสีย


น้ำสมุนไพรสูตรขับของเสีย เพื่อการดูดซึมสารอาหารที่เป็นประโยชน์ และขับถ่ายของเสียที่ร่างกายไม่ประสงค์ได้อย่างสมบูรณ์ โดยมีส่วนผสมสำคัญคือ
  • ลูกแพร์อุดมไปด้วยวิตามินซี ไนอาซิน แคลเซียม โพแทสเซียม แมกนีเซียม และกรดโฟลิก ทั้งยังจัดเป็นหนึ่งในอาหารเพียงไม่กี่ชนิดที่ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้ สามารถทำความสะอาดไส้ตรง รักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่ ลดคอเลสเตอรอล ล้างของเสียที่สะสมอยู่ในไต แถมยังอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระและเส้นใยเพ็กติน ช่วยขับโลหะหนักออกจากร่างกาย

  • วอเตอร์เครสมีรสเผ็ดร้อนคล้ายพริก แต่เปี่ยมด้วยคุณค่าจากวิตามินซี เหล็ก กำมะถัน คลอโรฟีลล์ เบต้าแคโรทีน ไบโอติน แคลเซียม โพแทสเซียม แมกนีเซียม ฟอสฟอรัส และไฟโตเคมิคอล ไอโซไทโอไซยาเนต ซึ่งทั้งหมดช่วยทำลายสารก่อมะเร็ง ดีต่อลำไส้ใหญ่และระบบทางเดินอาหาร ล้างพิษจากตับและไต ฟอกเลือด ล้างของเสียออกจากร่างกาย ช่วยเพิ่มจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์กับลำไส้ เสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย


  • ส่วนผสม
    • ลูกแพร์(สุกงอมเต็มที่) 1 ถ้วย
    • วอเตอร์เครส 1/2 ถ้วย
    • น้ำแข็งป่น 1 ถ้วย
    วิธีทำ
    เริ่มจากหั่นลูกแพร์เป็นชิ้นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า แล้วหั่นวอเตอร์เครสพอหยาบ นำไปสกัดรวมกันด้วยเครื่องสกัดน้ำผักและผลไม้ เทใส่แก้วเติมน้ำแข็งเพิ่มความเย็น ดื่มได้ทันที

    น้ำสมุนไพร สูตรเสริมคอลลาเจนใต้ผิวหนัง
    น้ำสมุนไพร สูตรเสริมคอลลาเจนใต้ผิวหนัง
    สูตรเสริมสร้างคอลลาเจนใต้ผิวหนัง และบำรุงผิวพรรณให้เต่งตึง โดยอาศัยสารอาหารที่มีอยู่ในกีวีและองุ่นเขียว
  • กีวีอุดมไปด้วยวิตามินซี แมกนีเซียม โพแทสเซียม แคลเซียม ฟอสฟอรัส โซเดียม และเบตาแคโรทีน ช่วยเสริมภูมิคุ้มกันแก่ร่างกาย ไม่ถูกหวัดกินง่าย ๆ ในช่วงอากาศเปลี่ยนแปลง

  • องุ่นเขียวเพิ่มความเร็วให้แก่กระบวนการเผาผลาญอาหาร รวมทั้งการล้างพิษ เหมาะกับผู้ที่กำลังควบคุมน้ำหนัก ดีต่อเลือดลม ช่วยขับปัสสาวะ ในองุ่นเป็นแหล่งรวมของฟอสฟอรัส กำมะถัน แคลเซียม เหล็ก วิตามินบี1 บี2 วิตามินซี กรดไฟโตเคมิคอลเอลลาจิก และทาร์ทาริก


  • ส่วนผสม
    • กีวี 1 ถ้วย
    • องุ่นเขียว 1 ถ้วย
    • น้ำแข็งป่น 1 ถ้วย
    วิธีทำ
    เริ่มด้วยการนำกีวีและองุ่นเขียวไปทำความสะอาด จากนั้นนำองุ่นเขียวไปผ่าครึ่งโดยไม่ต้องเอาเมล็ดออก ส่วนกีวีให้ปลอกเปลือกก่อนแล้วหั่นเป็นแว่น นำองุ่นเขียวและกีวีไปปั่นรวมกันด้วยเครื่องปั่น หลังจากปั่นไปได้สักครู่จนเนื้อผลไม้พอละเอียดเข้ากันให้เติมน้ำแข็งป่นเล็กน้อยแล้วปั่นส่วนผสมทั้งหมดอีกครั้งเป็นอันเสร็จ

    น้ำสมุนไพรสูตรผิวสวย
    สูตรผิวสวย ช่วยให้ผิวพรรณกระจ่างใส แลดูอ่อนเยาว์อยู่เสมอ โดยมีส่วนผสมสำคัญคือ
  • มะม่วงอุดมไปด้วยวิตามินบี 3 แมกนีเซียม โพแทสเซียม ทองแดง และเบตาแคโรทีน ที่ช่วยบำรุงผิวพรรณได้เป็นอย่างดี

  • เสาวรสเปี่ยมด้วยวิตามินซี และสารอาหารที่ใกล้เคียงกับมะม่วง อย่าง เบตาแคโรทีน แคลเซียม แมกนีเซียม โพแทสเซียม และวิตามินบี 3

  • แอปเปิ้ลช่วยล้างพิษ และลดความตึงเครียด เพราะมีโพแทสเซียม กำมะถัน เหล็ก แมกนีเซียม วิตามินบี1 บี2 และบี6 โดยในสูตรนี้เลือกใช้แอปเปิ้ลแดง


  • ส่วนผสม
    • เสาวรส 1 ถ้วย
    • มะม่วงสุก 1 ถ้วย
    • แอปเปิ้ลแดง 2 ถ้วย
    • น้ำแข็งป่น 1 ถ้วย
    วิธีทำ
    ให้คว้านเอาแต่เนื้อและเมล็ดของเสาวรสออกมาจากนั้นสับแบบหยาบๆ ปอกเปลือกมะม่วงหั่นเป็นชิ้นขนาดพอประมาณ ต่อด้วยการหั่นแอปเปิ้ลพร้อมเปลือกเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมลูกเต๋าโดยไม่ต้องคว้านเอาแกนออก แล้วจึงนำผลไม้ทั้ง 3 ชนิดไปสกัดด้วยเครื่องสกัดน้ำผักและผลไม้(หรือเครื่องคั้น) เทเครื่องดื่มใส่แก้วเติมน้ำแข็งป่นเพิ่มความเย็นสดชื่น ดื่มได้ทันที

    น้ำสมุนไพรสูตรบำรุงกระดูก
    น้ำสมุนไพรสูตรบำรุงกระดูก
    สูตรเครื่องดื่มบำรุงกระดูก ประกอบด้วยสารอาหารจากผักและผลไม้ ได้แก่
    •  บร็อกโคลี ที่อุดมไปด้วยไฟโตเคมิคอล ซัลโฟราเฟน กลูโคซิโนเลต สารต้านการก่อตัวของเซลล์มะเร็ง
    • แอปเปิ้ลเขียว ช่วยลดความตึงเครียด เพราะมีโพแทสเซียม กำมะถัน เหล็ก แมกนีเซียม วิตามินบี1 บี2 และบี6 ทั้งยังมีกรดมาลิก แทนนิก เส้นใบเพ็กติน ช่วยทำความสะอาดกระเพาะอาหาร-ลำไส้ และช่วยลดไข้ บรรเทาอาการอักเสบของเนื้อเยื่อ
    • คะน้า มีวิตามินบี2 ช่วยซ่อมแซมและสร้างเนื้อเยื่อต่าง ๆ แก้อาการกล้ามเนื้ออ่อนแรง
    • ผักชีฝรั่ง ช่วยบำรุงกระดูกให้แข็งแรง เมื่อเกิดแผลยังช่วยให้เลือดหยุดไหลได้เร็ว
    • ขึ้นฉ่าย ช่วยบำรุงตับ แก้ร้อนในและความดันโลหิตได้

    ส่วนผสม
    •  บร็อกโคลี 1 ถ้วย
    • ผักชีฝรั่ง 1/2 ถ้วย
    • คะน้า 1/2 ถ้วย
    • แอปเปิ้ลเขียว 2 ถ้วย
    • ขึ้นฉ่าย 1/2 ถ้วย
    • น้ำแข็งป่น 1 ถ้วย

    วิธีทำ
    เริ่มจากล้างผักและผลไม้ทั้งหมดให้สะอาด นำบร็อกโคลีหั่นเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า ซอยผักชีฝรั่งและขึ้นฉ่ายจนละเอียด ส่วนคะน้านำไปบุบพอแตกแล้วจึงไปหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ จากนั้นนำส่วนผสมทั้งหมดไปสกัดด้วยเครื่องสกัดน้ำผัก-ผลไม้ แล้วพักไว้
    หันไปหั่นแอปเปิ้ลเขียวเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า และนำไปปั่นรวมกันกับส่วนผสมที่สกัดเตรียมไว้ด้วยเครื่องปั่น สามารถเติมน้ำแข็งป่นเพื่อความเย็นสดชื่นแล้วดื่มได้ทันที หากน้ำผักและผลไม้มีลักษณะข้นเกินไป ให้เติมน้ำแร่ลงไปเล็กน้อยเพื่อช่วยเจือจาง

    น้ำสมุนไพร สูตรช่วยล้างพิษและเสริมสร้างตับให้แข็งแรง

    น้ำสมุนไพร สูตรช่วยล้างพิษและเสริมสร้างตับให้แข็งแรง ด้วยส่วนผสมของ
    • กะหล่ำปลี ที่อุดมไปด้วยสารอินโดลฟลาโวนอยด์ สารคาร์บินอล สารไฟโตเคมิคอล ซัลโฟราเฟน กลูโคซิโนเลต ซึ่งช่วยลดอัตราการเกิดมะเร็ง และต้านการก่อตัวของเซลล์มะเร็ง อีกทั้งยังมีเบต้าแคโรทีน วิตามินซี และกรดโฟลิก การับประทานกะหล่ำปลีช่วยกระตุ้นการสร้างกลูตาไทโอน สารที่จำเป็นต่อตับในการล้างพิษ
    • วีตกราส หรือต้นอ่อนข้าวสาลี ช่วยฟอกโลหิต ล้างสารพิษที่ตกค้าง ช่วยย่อยอาหาร เพิ่มพละกำลังแก่ร่างกาย เพราะมีเบต้าแคโรทีน วิตามินซี วิตามินเอ วิตามินบีรวม แคลเซียม แมกนีเซียม โพแทสเซียม และเหล็ก (การดื่มน้ำวีตกราสคั้นสด ๆ ยังช่วยทำความสะอาดเลือด เสริมความแข็งแรงให้เซลล์เม็ดเลือด)
    • สาหร่ายสไปรูลินา อุดมด้วยวิตามินบี 12 ช่วยในการฟื้นฟูและปรับสมดุลของตับ สมอง และระบบประสาท และมีคลอโรฟีลล์ ตัวช่วยเร่งการล้างพิษและขับของเสียจากตับ กระแสเลือด และลำไส้

    ส่วนผสม
    • กะหล่ำปลี 1 ถ้วย
    • วีตกราส 2 ถ้วย
    • สาหร่ายสไปรูลินา พอประมาณ
    วิธีทำ
    เริ่มด้วยการทำความสะอาดกะหล่ำปลีและวีตกราส หั่นให้ได้ขนาดเล็กพอประมาณ นำไปสกัดเอาแต่น้ำด้วยเครื่องสกัดน้ำผัก-ผลไม้ เทใส่แก้ว ตามด้วยเติมสาหร่ายสไปรูลินา คนให้เข้ากัน ดื่มได้ทันที

    น้ำสมุนไพร สูตรล้างพิษ บำรุงตับ

    น้ำสมุนไพรสูตรบำรุงรักษา ‘ตับ’ มีส่วนผสมของ กะหล่ำปลี สาหร่ายสไปรูลินา และวีตกราส ช่วยล้างพิษในตับ เสริมสร้างตับให้แข็งแรง
    คุณประโยชน์ของส่วนผสมต่างๆมีดังนี้
    น้ำสมุนไพร-สูตรล้างพิษ-บำรุงตับกะหล่ำปลี อุดมไปด้วยสารอินโดลฟลาโวนอยด์ สารคาร์บินอล สารซัลฟาราเฟน กลูโคซิโนเลต ต้านการก่อตัวของเซลล์มะเร็ง ช่วยชะล้างพิษ มีคุณค่าทางโภชนาการสูง ช่วยทำความสะอาดลำไส้ บรรเทาอาการอักเสบเนื่องจากแผลในลำไส้ แก้ท้องผูก แก้เจ็บคอ บำรุงไต ดีต่อผิวพรรณ ทำให้ผิวสะอาดเปล่งปลั่ง มีน้ำมีนวล แก้จุกเสียดแน่นท้อง ขับปัสสาวะ บรรเทาอาการแน่นหน้าอก และยังมีเบต้าแคโรทีน วิตามินซี และกรดโฟลิก กะหล่ำปลียังเพิ่มการสร้างกลูตาไทโอนซึ่งจำเป็นต่อตับในการล้างพิษจากควันไอเสีย และยา นอกจากนี้ควรรู้ไว้ว่า กะหล่ำปลีขาวจะมีรสชาติหวาน และง่ายต่อการดื่มมากกว่ากะหล่ำปลีเขียว
    สาหร่ายสไปรูลินา อุดมไปด้วยวิตามินบีที่จำเป็นต่อการล้างพิษ การฟื้นฟู และการปรับสมดุลของตับ สมอง และระบบประสาท และเป็นแหล่งวิตามินบี 12 ไม่ก่อให้เกิดกรดหรือของเสียขึ้นภายในร่างกาย คลอโรฟีลล์ที่พบในสาหร่ายสไปรูลินา ยังเร่งกระบวนการชะล้างพิษและของเสียในตับ กระแสเลือด เนื้อเยื่อ และลำไส้ให้เร็วขึ้น ส่งผลให้เฮโมโกลบิน ซึ่งเป็นองค์ประกอบของเม็ดเลือดที่ทำหน้าที่ในการลำเลียงออกซิเจนแข็งแรง
    วีตกราส หรือต้นอ่อนข้าวสาลี อุดมไปด้วยเบต้าแคโรทีน วิตามินซี วิตามินเอ วิตามินบีรวม แคลเซียม แมกนีเซียม โพแทสเซียม เหล็ก และยังมีเอนไซม์ที่ช่วยย่อยอาหาร กรดอะมิโนที่สำคัญ วิตามิน และแร่ธาตุที่จำเป็นสำหรับการสร้างเซลล์ร่างกายใหม่ ๆ และคลอโรฟีลล์ช่วยทำความสะอาดเลือด ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลมารวมกันก็เพื่อช่วยฟอกโลหิต เซลล์เม็ดเลือดแข็งแรง ร่างกายสะอาด และเพิ่มกำลังวังช